วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

สมัครและสอบแข่งขันเพื่อเป็นตำรวจ



ไม่รู้อะไรเลย

ในวัยใกล้สามสิบ ชีวิตยังวนเวียนอยู่ในรั้วราม 1 เป็นเด็ก (ทวด) รัฐศาสตร์แผนซี มีเป้าหมายว่า ปีหน้าคงจะจบการศึกษาให้ได้ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผัน เมื่อสอบรับราชการได้เป็นนายทหารชั้นประทวนสายงานสัสดี (เสมียน; สิบตรี) ในต้นปี 2558

พักเรื่องการเรียนเอาไว้ชั่วคราว แล้วเข้ารับการฝึกศึกษาที่ศูนย์การกำลังสำรอง ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 14 สัปดาห์ เมื่อเข้าไปเรียนไปรู้อะไรต่าง ๆ จึงพบว่าทางนี้ไม่ใช่แนวของตน จึงดิ้นรนหาทางลาออกจากราชการ

อายุอานามมากแล้ว การหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอดทนก้มหน้าทำงานไป อีกด้านคือการเรียน จำเป็นต้องเร่งเรียนให้จบเพื่อเพิ่มโอกาสให้ตนได้ไปประกอบอาชีพอื่น

วันหนึ่งในกลางเดือนตุลาคม 2558 เพื่อนร่วมสายงานสัสดีคนหนึ่งได้โทรศัพท์มาขอความเห็นเรื่องจะไปสอบเป็นตำรวจ จึงตอบไปในเชิงสนับสนุน หลังจากนั้น 2 - 3 วันก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า การสอบตำรวจคราวนี้จะช่วยให้เราออกจากงานเดิมได้ ฉะนั้น ไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป วันรุ่งขึ้น (20 ต.ค. 58)  จึงตัดสินใจกรอกใบสมัครสอบทางอินเตอร์เน็ต และชำระค่าสมัครผ่านธนาคารในวันถัดมา ทันก่อนการที่จะปิดรับสมัครในอีก 1 วัน (รับสมัครถึง 22 ต.ค. 58)

สายสอบที่เลือกสมัคร คือ พฐ.3 ซึ่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) เป็นหน่วยรับสมัครสอบ ในปีนี้รับจำนวน 100 อัตรา

จากที่ไม่รู้ว่าตำรวจเปิดรับสมัครสอบ ก็ได้รู้ในวันเกือบจะสาย จากที่ไม่เคยฝันว่าจะเป็นตำรวจ ก็มาถึงวันที่สมัครสอบตำรวจ จากที่มองว่านิติวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องไกลตัว วันนี้ก็เขยิบเข้ามาใกล้ขึ้น อนาคตจะเป็นเช่นไรไม่อาจจะคาดเดาได้

4 พ.ย. 58 ทำความรู้จักกับตำรวจ ด้วยการไปเยือน "พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน" ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานปัจจุบันของผม ไปเก็บข้อมูล ไปเรียนรู้ ไปชมสถาปัตยกรรมสวย ๆ ของวังเจ้านายในสมัยก่อน และกราบขอพรจากพระนิรันตราย

พระนิรันตราย ตำหนักจิตรลดา วังปารุสกวัน

จำนวนผู้สมัครสอบตำรวจในปี 2558 นี้ มีจำนวนมากถึง 220,997 คน แบ่งเป็น
1. สายสอบ อก.1 (สายอำนวยการ) รับ 705 อัตรา มีผู้สมัครสอบ จำนวน 206,468 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 293
2. สายสอบ คฝ.2 (สายครูฝึก) รับ 180 อัตรา มีผู้สมัครสอบ จำนวน 3,997 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 22
3. สายสอบ พฐ.3 (สายวิทยาการ) รับ 100 อัตรา มีผู้สมัครสอบ จำนวน 10,532 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 105

จำนวนผู้สมัครสอบเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน พ.ศ. 2558
(ภาพจาก กองการสอบ www.facebook.com/AdmissionDivision)

ลงสนามสอบ

วันอาทิตย์ ที่ 29 พ.ย. 58 เข้าสอบข้อเขียนในสถานที่ที่คุ้นเคย นั่นคือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ราม 1) อาคารศิลาบาตร (SBB) ผมนั่งสอบในห้อง SBB 401 แถว 21 (ติดหน้าต่าง แสงแดดสาดส่อง มองเห็นลานพ่อขุน)

อาคารศิลาบาตร (SBB) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ข้อสอบเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก มีจำนวน 150 ข้อ แบ่งเป็น วิชาความสามารถทั่วไป (หนักไปทางคณิตศาสตร์) 40 ข้อ, ภาษาไทย 20 ข้อ, คอมพิวเตอร์ 30 ข้อ, ภาษาอังกฤษ 40 ข้อ และสังคมศึกษา 20 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 180 นาที

ผมคิดว่า ข้อสอบอยู่ในระดับยาก และเวลาก็กระชับเหลือเกินจนเกือบจะเสร็จไม่ทันตามเวลาที่กำหนด เกณฑ์การสอบผ่านข้อเขียน คือ ต้องทำคะแนนได้เกินกว่าร้อยละ 60 ของแต่ละภาคความรู้ (ภาค 1 ทั่วไป = ความรู้ทั่วไป+ภาษาไทย, ภาค 2 เฉพาะตำแหน่ง = คอมพิวเตอร์+ภาษาอังกฤษ+สังคมศึกษา) หากภาคใดภาคหนึ่งหรือทั้งสองภาค มีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 60 ของคะแนนรวมในภาคนั้น ๆ ให้ถือว่า สอบไม่ผ่าน

ทำข้อสอบเสร็จก็ปลอบใจตนเอง คาดว่าตนเองคงทำคะแนนได้ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยเฉพาะวิชาคอมพิวเตอร์นั้น บั่นทอนกำลังใจเอามากเลยทีเดียว

ประกาศผลสอบข้อเขียน

ตามประกาศ ระบุว่า วันที่ 9 ธ.ค. 58 จะประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียน โดยเรียงตามลำดับคะแนน ถึงแม้ไม่หวังและได้เผื่อใจไว้เจ็บ แต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 9 ธ.ค. 58 ผมก็ลุกจากเตียงมาเปิดคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบผลสอบข้อเขียนทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่า สายสอบ พฐ.3 ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจยังไม่ประกาศผลสอบ คงมีแต่สายสอบ อก.1 และ คฝ.2 ของกองบัญชาการศึกษาที่ประกาศผลแล้ว

ที่น่าตกใจ คือ สายสอบ คฝ.2 นั้น ตั้งใจจะรับจำนวน 180 อัตรา แต่มีผู้สอบผ่านตามเกณฑ์ (ได้คะแนนร้อยละ 60 ขึ้นไป) เพียง 6 คนเท่านั้น โดยผู้ได้ลำดับที่ 1 ได้คะแนน 107 คะแนน ส่วนลำดับสุดท้าย (ลำดับที่ 6) ได้คะแนน 95 คะแนน

สำหรับสายสอบ อก.1 ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียน จำนวน 952 คน คนที่ได้ลำดับที่ 1 เก่งมาก ได้คะแนนมากถึง 125 คะแนน, ลำดับที่ 705 ได้คะแนน 96 คะแนน และลำดับสุดท้าย (ลำดับที่ 952) ได้คะแนน 93 คะแนน

ช่วงสายของวันที่ 9 ธ.ค. 58 ผมกำลังทำงานตามปกติ ในใจก็กล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่อยากดูผลสอบ แต่แล้วเพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า "ยินดีด้วยครับคุณสอบผ่าน" ตอนนั้นผมดีใจมาก แต่เก็บอาการไว้ แค่ยิ้ม ๆ และทำงานต่อ

ช่วงพักกลางวัน ผมจึงตรวจสอบผลสอบทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่า สายสอบ พฐ.3 มิได้บอกคะแนนของแต่ละคนให้ทราบโดยทั่วกัน แต่ให้ผู้สอบตรวจสอบคะแนนของตนได้เป็นการเฉพาะตัว ผมจึงทราบแต่คะแนนสอบของตนเองเท่านั้น

ประกาศผลสอบข้อเขียนและคะแนนที่ได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ต้องการผู้สอบผ่านข้อเขียนเพื่อไปสอบรอบสอง (ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง) จำนวน 150 คน แต่มีผู้ทำคะแนนสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ 60) เพียง 141 คนเท่านั้น (จากผู้สมัครสอบ 10,532 คน) ใน 141 คนนี้ ผู้สอบได้ลำดับที่ 1 - 100 จะเป็นตัวจริง ส่วนที่เหลือจะเป็นตัวสำรอง

ผมทำคะแนนสอบข้อเขียนผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด และได้เป็นตัวจริง จึงเป็นผู้อยู่ในกลุ่มให้เข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง

ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง


วันที่ 13 ธ.ค. 58 เป็นวันรายงานตัวยื่นเอกสารเพิ่มเติม ผู้สอบผ่านข้อเขียนต้องนำเอกสาร อาทิ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาหนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) หนังสือรับรองว่าผู้สมัครสอบมีวุฒิการศึกษาตรงตามประกาศรับสมัคร เป็นต้น โดยสถานที่รายงานตัว คือ อาคารฝึกประสบการณ์วิชาชีพ แกรนด์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ในวันรายงานตัวนี้ จะมีการให้พิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วเพื่อนำไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม มีการชั่งน้ำหนัก วัดขนาดตัว (วัดรอบอก) และวัดส่วนสูงด้วย

วันนี้ได้ของจากเจ้าหน้าที่ติดตัวกลับบ้านไปอย่างหนึ่ง เป็นกระปุกพลาสติกทรงกระบอกขนาดเล็กมีฝาปิดมิดชิด กระปุกนี้ต้องนำมาคืนเจ้าหน้าที่ในวันตรวจร่างกาย และต้องบรรจุอุจจาระของตนไว้ภายในกระปุกด้วย

ยื่นเอกสาร บางคนปล่อยชายเสื้อ เพราะเพิ่งถอดเสื้อวัดขนาดร่างกาย
(ภาพจาก สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ www.facebook.com/ForensicPolice)
พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อใช้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
(ภาพจาก สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ www.facebook.com/ForensicPolice)

วันที่ 18 ธ.ค. 58 เดินทางไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าตรวจทางห้องปฏิบัติการ, ทดสอบสุขภาพจิต และตรวจร่างกาย การแต่งกายในวันนี้ ไม่ได้ใส่ชุดสุภาพ แต่เป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้ากีฬา

การทดสอบสุขภาพจิต จะมีการให้ทำแบบทดสอบปรนัยหลายสิบข้อ เป็นคำถามที่ถามถึงอารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อตนเองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนต่อมา มีการให้วาดภาพ ซึ่งระบุไว้ว่าในภาพต้องมีคน ต้นไม้ และบ้าน และส่วนสุดท้าย จะเป็นการให้ฟังคำถามแล้วเขียนคำตอบลงในกระดาษ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

การตรวจทางห้องปฏิบัติการและตรวจร่างกาย เป็นขั้นตอนในตอนบ่ายวันเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง เป็นผู้ชายใส่แว่น ยศพันตำรวจเอก คอยควบคุมการดำเนินการ ท่านดุมาก และตำหนิผู้มาสอบสายอย่างรุนแรงด้วย

ขั้นตอนการตรวจร่างกายนี้ มิได้มีแต่ผู้สอบสาย พฐ.3 แต่ยังมีผู้สอบเพื่อเป็นพลขับอีกด้วย การดำเนินการจึงใช้เวลานาน เริ่มต้นด้วยการส่งคืนกระปุกอุจจาระ ต่อมาคือการตรวจปัสสาวะ การเจาะเลือด การเอกซเรย์ลำตัว การตรวจร่างกายที่ต้องเปลือยกายให้แพทย์ตรวจ การตรวจฟัน หู ตา ฯลฯ กว่าจะเสร็จครบถ้วนทุกกระบวนการ ก็เป็นเวลาค่ำเสียแล้ว การตรวจทางห้องปฏิบัติการนี้ ผู้เข้าสอบต้องเสียค่าใช้จ่าย 1,620 บาท

วันที่ 21 ธ.ค. 58 กลับไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครอีกครั้ง เพื่อเข้าสอบสัมภาษณ์ ในการสัมภาษณ์ จะมีกรรมการจำนวน 3 ท่านสัมภาษณ์ผู้สอบ เริ่มด้วยการให้ผู้สอบแนะนำตนเอง และแนะนำตนเองอีกครั้งสั้น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ถามถึงเหตุผลที่อยากมาเป็นตำรวจ ทัศนคติที่มีต่ออาชีพตำรวจ มีการให้เลือกซองคำถาม 2 ซอง แต่ละซองจะมี 1 คำถาม และให้ตอบคำถามตามคำถามที่เลือกนั้น

พระนครแกรนด์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
(ภาพจาก สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ www.facebook.com/ForensicPolice)

ก่อนสอบสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ได้มอบซองจดหมายสีขาวให้แก่ผู้สอบ คนละ 3 ซอง แต่ละซองจ่าหน้าซองถึงที่หมายที่แตกต่างกัน ซองแรกถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจในท้องที่ที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านของผู้สอบ ซองที่สองถึงสัสดีจังหวัดในจังหวัดภมิลำเนาทหารของผู้สอบ และซองสุดท้ายถึงผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาที่ผู้สอบจบการศึกษามา (ม.6/ปวช.) ทั้ง 3 ซองนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ผู้สอบเป็นผู้ส่งจดหมายด้วยตนเอง

วันที่ 6 ม.ค. 59 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ประกาศรายชื่อผู้ไม่ผ่านการตรวจร่างกายและทดสอบสุขภาพจิต มีรายชื่อผู้ไม่ผ่านทั้งสิ้น 7 คน แบ่งเป็น ผู้เป็นตัวจริง จำนวน 4 คน และตัวสำรอง จำนวน 3 คน

จากนี้ไป ก็เพียงรอคอย คอยถึงวันที่ 10 ก.พ. 59 ซึ่งเป็นวันประกาศรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ และผู้สอบแข่งขันได้สำรอง

ภาพจาก ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 www.scdc10.com